เมื่อช่วง 20 ปีก่อนคนเลี้ยงไก่พม่าจะหาจ้องตีไก่เชิงอย่างเดียว ลีลาที่ชอบมาก ๆ คือ ลีลาโยกถอดถอย ลีลาขยายซ้ายขวา ลีลาม้าล่อสั้น หรือม้าล่อสั้นสลับยาว ลีลาจ้องหน้าหงอน ไก่พม่าพวกนี้ใครๆ ก็อยากได้ เพราะตีไก่เชิงดี
กลุ่มที่ 1คือไก่เชิงพนัส(รวมทั้งชลบุรี ระยอง แปดริ้วออกลีลลาใกล้เคียงกัน) ลีลาพวกนี้เน้นเลี้ยวคอบนสองคอ สองปีก
ไก่เชิงสมัยก่อนก็มี 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ที่โด่งดังคือ
กลุ่มที่ 2 คือไก่ตราด (ดังสุดก็ตำบลท่าพริก ส่วนเลี้ยงจริงก็กระจายไปหลายพื้นที่ รวมทั้งจันทบุรีด้วย) ลีลาพสกนี้เน้น มัดปีดแบกดั้ม นิ่งๆ มามีกอดทับสองคอ สรุปคือไก่พนัสจะเน้นบนมากกว่าล่าง ไก่ตราดจะเน้นล่างมากกว่า (ทุกวันนี้แยกยากนะเพราะมันผสมผสานกันมั่วไปหมดแล้ว...สมัยผู้เขียนเป็นหนุ่มเพื่อนมีรถกระบะคันเดียว ใส่หลังคาคอกหมูไปซื้อไก่สองกลุ่มนี้เป็นกลุ่มทีละ5-6 คน..ซื้อมาทีเต็มรถ20-50ตัวทั้งผู้ทั้งเมีย ไปปีละ 2-3รอบ สนุกนะเหมือนไปเที่ยวนอน2-3 วัน กว่าจะหาไก่ได้เพราะไม่มีฟาร์มเหมือนทุกวันนี้)
ในสนามรบช่วง20ปี ถือว่าเป็นความพ่ายแพ้ของไก่เชิงไทยต่อไก่พม่าอย่างราบคาบเรียกว่าด่านทุกด่านถูกตีแตกยับ คงเหลือเหล่าป่าก๋อยซึ่งเปรียบเหมือนบ้านบางระจันที่คอยต่อกลอนกับพม่าอย่างไม่ลดราวาศอก จึงมีคนสนใจนำป่าก๋อยมาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สายพันธุ์ป่าก๋อยดังๆ จึงถูกขุดขึ้นมาผสมพัฒนาร่วมกับไก่เชิงไทยเดิมผสมอย่างลงตัวกับง่อน วันนี้ลูกผสมสไตล์นี้กำลังแพร่ขยายอย่างรวดเร็วในวงการไก่ชน...ก๋อยง่อน ..ก๋อยตราดง่อน...ก๋อยพนัสง่อน...ฯลฯ แล้วแต่จะตั้งกัน ซึ่งถือว่ามันคือสีสรรของวงการไก่ชนโดยแท้ หลายคนเริ่มทิ้งพม่าไปเพาะเชิงนี่คือปรากฎการณ์ใหม่วงการไก่ชนไทย
พัฒนาการไก่ชนมาถึงวันนี้คือ คนเลี้ยงไก่เชิงเริ่มหาตียาก พม่าแท้ ๆ ไม่อยากตีเชิง ส่วนใหญ่กลัวเสียไก่ไม่ใช่กลัวแพ้เสียทีเดียว เพราะถ้าชนกับเชิงแท้ๆ กัดจริง ๆ แม้ชนะก็ต้องทิ้งไปต่อไม่ได้ นี่คือปัญหาของการเปรียบคู่ตีในอนาคต เพราะแน่นอนว่าไก่เชิงในอนาคตต้องกัดจริงๆ เขาถึงจะเลี้ยงออกมา (ยกเว้นสนามชมรมยังพอมีไก่เชิงทั่วไปออกมาบ้างแต่ก็ต้องเดาว่าจะกัดไหม แต่สนามใหญ่ฟันธงเลยว่าร้อยละ90 กัดแน่ๆ)
แล้วพม่าเราจะเอายังไง...ทางออกปัจจุบันมีสองทางคือการเพาะพม่าลีลาไว้ตีเชิง กับพม่าต้องเปรียบชนพม่าเท่านั้น....คราวหน้าค่อยมาต่อ2ประเด็นนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น